หลักการแนวคิดรูปแบบการสอน
ที่
|
รูปแบบการสอน
|
ขั้นตอนการสอน
|
||
1
|
Constructionism
|
1. Explore
การสำรวจตรวจค้น
ในขั้นตอนนี้บุคคลจะเริ่มสำรวจตรวจค้นหรือพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งใหม่ (assimilation)ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อได้พบหรือ
ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่ไม่มีอยู่ในสมองของตน
ก็จะพยายามรับหรือดูดซึมเก็บเข้าไปเป็นความรู้ใหม่
|
2.
Experiment
การทดลอง ในขั้นตอนนี้จะเป็นการทดลองทำภายหลังจากที่มีการสำรวจไปแล้ว
เป็นการปรับ
ความแตกต่าง(accommodation)
เมื่อได้พบหรือปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่สัมพันธ์กับความคิดเดิมที่มีอยู่ในสมอง
นั่นหมายความว่าเริ่มจะปรับความแตกต่างระหว่างของใหม่กับของเดิมจนเกิดความเข้าใจว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งใหม่นี้
|
3.
Learning by doing
การเรียนรู้จากการกระทำ ขั้นนี้เป็นการลงมือปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือการได้ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่มีความหมายต่อตนเอง
แล้วสร้างเป็นองค์ความรู้ของตนเองขึ้นมา ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับขั้นตอนที่ผ่านมา
ขั้นนี้จะเกิดทั้งการดูดซึม (assimilation) และ
การปรับความแตกต่าง(acommodation)ผสมผสานกันไป
|
2
|
Biggs
3P Model
|
1. ครูนำ เสนอบทเรียนในขั้นนำ เสนอ (P1 = Presentation)โดยนำ เสนอเป็นรูปประโยคที่ใช้ในการสื่อสาร (Whole
Language) ไม่แยกสอนเป็นคำ ๆ
นักเรียนจะเข้าใจภาษานั้นโดยภาพรวม หลีกเลี่ยงการแปลคำ
ต่อคำ การนำ เสนอต้องชัดเจน และตรวจสอบจนแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจสิ่งที่ครูนำ
เสนอนั้น
|
2.ครูใช้กิจกรรมในขั้นฝึก (P2=Practice)อย่างหลากหลาย โดยยึดนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ฝึกหัดและพูดในกลุ่มใหญ่ (Whole
Group)ก่อน เพื่อให้นักเรียนมีความมั่นใจในการใช้ภาษา
ฝึกกลุ่มย่อยโดยใช้
การฝึกลูกโซ(Chain Drill) เพื่อให้โอกาสนักเรียนได้สื่อสารทุกคน ฝึกคู่ (Pair
Work) เปลี่ยนกันถาม-ตอบ
เพื่อสื่อสารตามธรรมชาติแล้วจึงให้นักเรียนฝึกเดี่ยว (Individual) โดยฝึกพูดกับครูทีละคน การฝึกเดี๋ยวนี้ครูจะเลือกนักเรียนเพียง 2-3 คน เพื่อทำ เป็นตัวอย่างในแต่ละครั้ง กิจกรรมขั้นนี้ใช้เวลา
แต่นักเรียนจะได้ปฏิบัติจริง ครูเพียงแต่คอยกำ
กับดูแลให้การฝึกดำ เนินไปอย่างมีความหมายและสนุก
|
3. กิจกรรมขั้นนำ เสนอผลงาP3 (Production) เป็นขั้นที่นักเรียนจะนำ
ภาษาไปใช้ ครูอาจจะให้ทำ แบบฝึกหัด อ่านและเขียนร้องเพลงหรือเล่นเกม
ที่สืบเนื่องและเกี่ยวข้องกับภาษาที่เรียนมาในขั้นที่ 1 และ 2 อาจให้ทำ
งานเป็นการบ้านหรือสร้างสรรค์ผลงาน
|
3
|
SU
learning Model
|
1.ผู้เรียนกำหนดกรอบวัตถุประสงค์การเรียนรู้ของตนเอง ด้วยการระบุ
ความรู้และการปฏิบัติโดยระบุความรู้ ในรูปของสารสนเทศหรือdeclarative
knowledgeและระบุทักษะ การปฏิบัติ(โครงงาน งานภาระงาน)
กลยุทธ์
ทักษะ หรือกระบวนการหรือ procedural
knowledgeและคุณลักษณะอันพึงประสงค์
|
2.ผู้เรียนออกแบบการเรียนรู้
และระบุเกณฑ์คุณภาพวัตถุประสงค์การเรียนรู้เป็นค่าระดับตามโครงสร้างการสังเกตผลการเรียนรู้
(structure of observed learning out-comes:
SOLO
Taxonomy
|
กรณีที่วัตถุประสงค์เป็นความรู้ความเข้าใจ
จะระบุเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน(collaborative learning)
หรือการเรียนรู้แบบนำตนเอง(self-directed learning)โดยคำนึงถึงความมีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพ
ถ้าผู้เรียนต้องการการเรียนรู้แบบการมีความคิดวิจารณญาณ
จำเป็นจะต้องใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบร่วมมือกัน(cooperative learning)มีการอภิปรายเรื่องราวที่เรียนรู้ กลยุทธการเรียนรู้แบบท างานเป็นทีม
หรือกลยุทธการเรียนรู้เพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์
|
4
|
DRU
Model
|
1.
P= Planning การวางแผน
D = Design การออกแบบและการพัฒนา
C = Cognitive network
ความรู้ความกระจ่างชัด
A= Affective network
การเรียนรู้จากเพื่อนร่วม
วิชาชีพ
|
2.
C= Cognitive network ความรู้ความกระจ่างชัด
L
= Learning การเรียนรู้
M
= Management
การจัดการ,การควบคุม
S = Strategic network
(กลวิธี)
|
3.
A = Assessment
(การประเมินค่า)
S = Strategic network (กลวิธี)
A= Affective network
(การเรียนรู้จากเพื่อนร่วม
วิชาชีพ)
E = Evaluation
(การประเมินผล)
|
5
|
SNN
Model
|
กำหนดจุดประสงค์
-
ความรู้
-ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
- จิตวิทยาศาสตร์
|
กิจกรรมภาระงาน
-
กิจกรรมเพื่อให้รู้จุดประสงค์การเรียนรู้
-เสาะหาหรือสืบค้นเพื่อบรรลุกิจกรรม
- นำเสนอ และ วิพากษ์
|
วัดผล
-
ตรวจสอบทบทวนตัวเอง ตามกิจกรรมและภาระงาน
-ประเมินตนเองในความรู้ กระบวนการและจิตวิทยาศาสตร์
-การตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้ของตนเอง
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น